และแล้ววันหยุดยาวก็มาถึง สำหรับเรา หยุด 3 วันก็ถือว่าเป็นวันหยุดยาวแล้วนะ ว่าแล้วก็วางแผนไปเที่ยวในที่ ๆ ไม่คุ้นเคยดีกว่า ไม่อยากเที่ยวใกล้ ๆ แบบไป-กลับ อยากไปพักไกล ๆ ไกลจากตึกรามบ้านช่อง ไปอยู่ท่ามกลางป่าเขา และวิถีชาวบ้านที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมของตนเอง คำตอบของเราที่อยู่ในใจมานานแล้วว่าอยากไปคือ “สังขละบุรี” จังหวัดกาญจนบุรี

ทริปนี้ขอไปกับเพื่อนสัก 4 คน รถหนึ่งคัน ค่าใช้จ่ายเก็บกันตอนแรก คนละ 1000 บาท 4 คน ก็รวมได้เงินกองกลางมา 4000 บาท สำหรับเติมน้ำมันและจ่ายค่าที่พัก และค่าอาหารบางมื้อ ส่วนกาแฟตามรายทางก็แยกกันจ่าย ว่าแล้วก็เก็บกระเป๋าไปดีกว่าค่า เราเดินทางไปเที่ยวช่วงหน้าฝน เพราะต้องการเห็นความชุ่มชื้นของต้นไม้และภูเขา แต่สิ่งหนึ่งที่เราลืมคิดถึงคือเส้นทางการขับขึ้นไปยังสังขละบุรี หรือ เจดีย์ด่านสามองค์ นั้นเป็นภูเขา และหน้าฝนก็มีฝนตกหนักเป็นบางช่วงพอสมควร และที่สำคัญบางช่วงเราอาจจะเจอถนนขาดเพราะน้ำป่าเซาะเป็นร่องได้ ดังนั้นเราก็ต้องถามตัวเองก่อนว่าชอบความชุ่มฉ่ำ แต่ต้องระวังในการขับรถคุ้มไหมที่จะไป ถ้าไม่มั่นใจพอ ก็รอไปหน้าหนาวก็ได้นะคะ แต่สำหรับพวกเราชอบหน้าฝนค่ะ เพราะตอนเช้าจะมีหมอกด้วย และไม่ร้อนหรือหนาวเกินไป บรรยากาศดีสุด ๆ เลยค่ะ
ปลายทางที่จุดหมายที่เราต้องการไปพัก คือที่ “สังขละบุรี” เราตามข้อมูลจาก ที่เที่ยวสังขละบุรี : 10 สิ่งน่าทำเมื่อไปเที่ยวสังขละบุรี (http://www.chillpainai.com/scoop/1755) ตามข้อมูลบอกว่า ที่สังขละบุรี มีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติและวัฒนธรรมของผู้คนที่อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งนี้ ถึง 3 เชื้อชาติ คือ ไทย มอญ และกะเหรี่ยง เมื่อเราไปถึงสังขละบุรี เราจะสามารถสังเกตเห็นบ้านเรือน การแต่งตัวของชาวบ้าน เราจะรู้และพอแยกออกว่า ตรงบริเวณไหน คนไหน เป็นคนไทย มอญ หรือ กะเหรี่ยง วิถีของแต่ละเชื้อชาติเป็นเอกลักษณ์แต่ก็ผสมผสานอยู่ร่วมกันได้เป็นอย่างดี ผู้คนที่นี่จะมีจิตใจที่ฝักใฝ่ธรรมะมาก มีจุดศูนย์รวมจิตใจคือ หลวงพ่ออุตตะมะ ถึงแม้นท่านจะมรณภาพไปนานแล้ว แต่ชาวบ้านที่นี่ก็ยังกล่าวถึงและเคารพสักการะมาก
มาสังขละบุรีแล้ว กิจกรรมที่ห้ามพลาดเลยคือ
- ถ่ายรูปและดูวิถีผู้คน ที่สะพานมอญ สะพานแห่งนี้เป็นสะพานไม้ที่สร้างด้วยศรัทธาจากชาวบ้านที่ต้องการข้ามไปฟังธรรมะจากหลวงพ่ออุตตะมะสมัยก่อน ซึ่งเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย และ เป็นอันดับสองของโลก แต่ก็มีการผุพังด้วยน้ำหลากพอสมควร แต่ชาวบ้านก็ช่วยกันซ่อมแซมบุรณะขึ้นมาใหม่ เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานของสังขละบุรี ที่ที่ความงดงามทางจิตใจยังงอกงาม มิเสื่อมคลาย
รูปภาพจาก oknation.net - ตื่นเช้าตักบาตรร่วมตักบาตรกับชาวบ้านแบบชาวมอญ เรียบง่ายแต่เห็นการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น จากผู้เฒ่าผู้แก่สู่คนหนุ่มสาวและเด็กน้อยที่มารอใส่บาตรกับคุณตาคุณยาย
รูปภาพจาก tnews.co.th - นั่งจิบกาแฟ ทานอาหารเช้าแบบชาวบ้าน ดูหญิงสาวเจ้าเนื้อทูนโถน้ำและตะกร้าใส่ของต่าง ๆ ไว้บนหัว แนะนำให้ซื้อชุดกะเหรี่ยงใส่ เรานี่เนียนไปเลยเป็นกะเหรี่ยง แล้วเดินเที่ยวดูความเป็นอยู่ของชาวกะเหรี่ยงซึ่งส่วนใหญ่จะอาศัยใกล้แม่น้ำซองกาเลีย
- นั่งเรือไปชมวัดใต้น้ำ คือ วัดวังก์วิเวการาม (เดิม) เป็นวัดที่สร้างจากความศรัทธาของหลวงพ่ออุตตะมะ ซึ่งถือว่าเป็น Unseen Thailand เพราะเวลาหน้าฝนวัดแห่งนี้จะจมน้ำ และน้ำจะลดช่วงเดือนมีนาคม ถึง พฤษภาคม เราถึงจะสามารถเดินชมบริเวณวัดได้ ค่าเช่าเรือไปชมวัดใต้น้ำนี้ประมาณ 600 บาท หรือ ขึ้นอยู่กับการตกลงในแต่ละช่วง
รูปภาพจาก oknation.net - ไหว้หลวงพ่ออุตตมะที่วัดวังก์วิเวการาม (ใหม่) เพื่อความเป็นสิริมงคล มายังแดนของท่านหลวงพ่ออุตะมะแล้ว เราก็มากราบสักการะรูปปั้นของท่าน และทำบุญทำทาน ถ้าเรามาเจอช่วงวันพระ เราจะเห็นชาวบ้านเดินทางมาที่วัด ตักบาตรทำบุญฟังธรรมกัน เป็นภาพที่ให้ความรู้สึกที่ดี ที่เรายังเห็นผู้คนยังมีศรัทธาในพระพุทธศาสนามากมาย
รูปภาพจาก phateaw.com - ไหว้เจดีย์พุทธคยา ซึ่งเป็นการสร้างจำลองจากสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ คือ สถานที่ตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาพุทธเจ้า ที่เมืองพุทธคยา ประเทศอินเดีย จุดเด่นของที่นี่คือ เจดีย์สีเหลืองทองอร่ามท่ามกลางหุบเขา มีรูปปั้นสิงห์ตัวใหญ่สองตัวตรงทางเข้า
รูปภาพจาก .thai-tour.com - เที่ยวด่านเจดีย์สามองค์ ชายแดนไทย-พม่า หรือที่เคยรู้จักกันในชื่อ “หินสามกอง” เป็นจุดบอกเขตผ่านทาง พรมแดนไทย – พม่า ในแนวเขาตะนาวศรี
รูปภาพจาก http://pirun.ku.ac.th - ตลาดพญาตองซู ตลาดสดที่มีของวางขายมากมาย มีเครื่องประดับเงินด้วย ซึ่งเป็ตลาดแบบพม่า ราคาไม่แพง และขนมบางอย่างก็อร่อย มีกล้วยลูกใหญ่มาก นอกจากนั้นยังมีร้ายของที่ระลึก เช่น ครื่องประดับ จำพวกพลอย หยก หินสี เฟอร์นิเจอร์ไม้ ชุดโต๊ะเก้าอี้ เครื่องไม้ตกแต่งบ้าน เครื่องประทินผิวของพม่า เช่นแป้งทานาคา ผ้าโสร่ง ต้นไม้ป่า กล้วยไม้ป่าจากพม่า เละรายังสามารถเที่ยวโดยทำใบผ่านแดนเข้าไปในพม่าได้ภายใน 1 วัน เพื่อเข้าไปชมเมืองพญาตองซูในประเทศพม่า ที่ห่างจากบริเวณด่านไปเพียง 3 กิโลเมตร
รูปภาพจาก suthartravel.wordpress.com
ทริปนี้เราพักที่ Coffee Berry ราคาต่อคืน 800 บาท พักได้ 2 คน ๆ ละ 400 บาท 2 คืน 800 บาท ที่พักและห้องน่ารักมาก เจ้าของเป็นคนไทยใจดี มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะแยะในที่พักนี้ บางทีก็แบบคิดแอบมาใช้ชีวิตแบบพี่หญิงเจ้าของที่พักก็ดีเนาะ ช่วงไหนอยากเที่ยวก็ปิดที่พักไปเที่ยวกับครอบครัว..ชอบจัง!
ขอบคุณรูปภาพ feature image จาก thaipocket.com