เที่ยวทะเล เที่ยวป่า ขึ้นเขา ธรรมชาติ เที่ยววัดไทย-ไหว้พระ

20 ที่เที่ยว Unseen ในเมืองไทย

1. เขาล่องเรือตาหมื่น – พิษณุโลก

เขาล่องเรือตาหมื่น เป็นอีกพิกัดยอดฮิตที่มาแรงขึ้นทุกที และเชื่อว่าบรรดาคนรักความแอดเวนเจอร์ต้องแฮปปี้กับที่นี่แน่นอนจ้า เพราะนี่คือภูเขาหินปูนรูปร่างแปลกตาซึ่งเพิ่งเปิดให้สายปีนขึ้นไปตามหาความเร้าใจกันได้ไม่นานนี้ เขาลูกนี้ตั้งอยู่ที่บ้านมุง ในอำเภอเนินมะปราง ซึ่งเป็นพิกัดขึ้นชื่อลือชาในเรื่องความปังของทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามสบายตา ด้านบนจะได้เห็นวิวสวยรอบด้านแบบ 360 องศา แถมที่เริ่ดไปกว่านั้นก็คือสามารถขึ้นไปค้างแรมกันได้ด้วยนะ จะกางเต็นท์นอนกันก็ได้ หรือจะไปนอนเปลให้ได้อารมณ์ผจญภัยในอีกเลเวลก็เริ่ดจ้ะ สายแอดเวนเจอร์ปักหมุดกันได้เลย

2. ถ้ำแม่ละนา – แม่ฮ่องสอน

ถ้ำแม่ละนา เป็นอีกพิกัดที่สายแข็งชอบผจญภัยน่าจะแฮปปี้ กับถ้ำซึ่งมีลำน้ำแม่ละนาลอดผ่านโดยมีความยาวด้านในถึง 12.7 กิโลเมตร และต้องใช้เวลาเดินกันประมาณ 15 ชั่วโมงโดยไม่หยุดพัก การมาพิชิตถ้ำนี้ทำได้เฉพาะในช่วงหน้าแล้งเท่านั้นจ้า ตลอดเส้นทางจะพบกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหินงอก หินย้อย หรือมุกหินที่ส่องประกายแวววาวสวยงามแปลกตา นอกจากนั้นยังมีบรรดาสิ่งมีชีวิตตัวเล็กตัวน้อยให้เห็นไปตลอดทาง การเข้าไปในถ้ำต้องใช้ไกด์ซึ่งมีความชำนาญพื้นที่ และผู้จะเข้าไปต้องชำนาญในการสำรวจถ้ำและมีร่างกายแข็งแรงเท่านั้นนะ ถ้าคิดว่าไหว ปักหมุดไปได้เลย

3. คลองสังเน่ห์ – พังงา

คลองสังเน่ห์ พื้นที่ธรรมชาติสุดเก๋ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น Little Amazon ของเมืองไทย มีลักษณะเป็นคลองสายสั้นๆ ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางธรรมชาติ ไฮไลท์ของคลองนี้ก็ต้องยกให้กับต้นไทรโบราณอายุหลายร้อยปี ซึ่งแผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมพื้นที่กว้างริมคลอง และมีบางช่วงที่ห้อยระย้าคล้ายกับม่านหรืออุโมงค์ต้นไม้ ที่เด็ดที่สุดก็ต้องยกให้กับน้องงูสารพัดสายพันธุ์ซึ่งมักจะพากันมานอนหลับตามกิ่งก้านต่างๆ ของต้นไม้ริมสองฝั่ง บอกเลยว่าเป็นการล่องเรือที่น่าตื่นตา น่าตื่นเต้น และแสนจะเร้าใจ ใครสนรีบปักหมุดกันให้ไวเลย

4. วัดหลวงขุนวิน – เชียงใหม่

วัดหลวงขุนวิน เป็นวัดเล็กๆ ในป่าลึกซึ่งรายล้อมด้วยธรรมชาติและสีเขียวของต้นไม้ใหญ่ ให้บรรยากาศเหมือนเราได้หลุดเข้าไปในเมืองลับแลยุคอดีตยังไงยังงั้นเลยละ นอกจากความเงียบสงบซึ่งรายล้อมอยู่รอบด้าน วัดเก่าแก่อายุกว่า 700 ปีแห่งนี้ยังโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมและชิ้นงานไม้แกะสลักสไตล์ล้านนาโบราณ ซึ่งงดงามไปด้วยลวดลายอันอ่อนช้อยในทุกกระเบียดนิ้วที่เราเดินผ่านไป วัดนี้ยังไม่มีไฟฟ้าเข้าถึง และยังมีเส้นทางซึ่งยังค่อนข้างลำบากใช้ได้เลยจ้ะ เป็นวัดสวยชวนตะลึงที่เดินชมได้เพลินในทุกย่างก้าวเลยนะ สายอาร์ต สายบุญ สายสถาปัตย์ ต้องไปจัดกันซักครั้งแล้วเน้อ

5. ม่อนหมอกตะวัน – ตาก

ม่อนหมอกตะวัน สวนดอกไม้ที่เบ่งบานอยู่บนยอดเขาความสูง 1,100 เมตร นับเป็นทีเด็ดของที่นี่เลยละ ม่อนหมอกตะวันหรือทะเลหมอกบ้านป่าหวายนั้นเคยเป็นพื้นที่การเกษตรของชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง แต่ช่วงหลังนั้นเริ่มมีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากขึ้นทุกที ชาวบ้านจึงปรับที่นี่ให้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวด้วยการเพิ่มจุดกางเต็นท์ มีบ้านพัก รวมถึงมีการปลูกแปลงดอกไม้ขนาดใหญ่เพื่อเพิ่มความสวยให้ทิวทัศน์บนดอยนี้ นอกจากทะเลหมอกแล้ว ที่นี่ยังเป็นจุดที่ชมวิวได้แบบ 360 องศา และยังมีอากาศเย็นตลอดทั้งปีด้วยนะ สายแค้มปิ้งไม่มาไม่ได้แล้ว

6. วัดพระธาตุดอยพระฌาน – ลำปาง

วัดพระธาตุดอยพระฌาน วัดสวยสุดอลังการบนยอดดอย ที่นอกจากจะเป็นจุดชมวิวมุมสูงของอำเภอแม่ทะได้แบบเต็มๆ ตาแล้ว ในช่วงหน้าฝนหรือหน้าหนาวยังมีทะเลหมอกให้ชมกันจากวัดนี้ได้อีกด้วย พระอุโบสถวัดนี้งดงามตระการตาด้วยงานแกะสลักสไตล์ล้านนาซึ่งเต็มไปด้วยดีเทลละเอียดยิบในทุกมุมที่เดินไป อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่ก็คือองค์พระใหญ่ไดบุตสึซึ่งอยู่ในโซนที่ยกบรรยากาศแบบญี่ปุ่นมาจำลองไว้ได้แบบสมจริงสุดๆ เลยเชียวละ มาที่เดียวได้เที่ยวทั้งไทยและญี่ปุ่นเลยนะ สวยคุ้มการเดินทางจ้า ปักหมุดมาได้เลย

7. อ่าวท่าเลน – กระบี่

อ่าวท่าเลน บอกได้เลยว่านี่คือเส้นทางพายคายัคชมทิวทัศน์ที่สวยดึงดูดใจในระดับโลกเลยเชียวละ เพราะบริเวณนี้มีภูเขาหินปูนขนาดใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยผืนป่าชายเลนเขียวขจี ตลอดเส้นทางพายคายัค 4 – 6 กิโลเมตรนั้นเต็มไปด้วยความน่าตื่นตาตื่นใจของธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นผาสูง ถ้ำลอด ลากูนกลางทะเล หรือป่าเกาะหินปูนน้อยใหญ่ ข้อดีอีกอย่างคือตรงนี้เป็นบริเวณที่กระแสลมเงียบสงบจึงสามารถพายคายัคกันได้แบบสบาย ใครเป็นสายลุยมาลองได้เลยจ้า รับรองว่าความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติในอ่าวนี้จะเป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวที่คุณจะลืมไม่ลง!

8. เกาะผ้า – พังงา

เกาะผ้า เป็นอีกหนึ่งพิกัดในพังงาซึ่งเพิ่งเป็นที่รู้จักกันมาได้ไม่นานนัก เกาะผ้านั้นเป็นเกาะเล็กกลางทะเลซึ่งมีเนื้อที่รวมประมาณ 1 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น ที่สำคัญคือเราจะเห็นเกาะนี้ได้เมื่อน้ำทะเลลดระดับจนได้ที่ เกาะนี้มีลักษณะเป็นเนินทรายขาวสะอาดกว้างโล่งแบบไม่มีอะไรกั้น รอบด้านเป็นน้ำทะเลสีฟ้าใสแจ๋วน่าแหวกว่าย ใต้ทะเลรอบๆ เกาะนี้ยังมีปะการังและบรรดาฝูงปลาอีกมากมายเหมาะกับการมาดำน้ำชมความสวยกันได้แบบเพลินๆ เลยจ้า ใครเป็นสายแชะปักหมุดที่นี่ไว้ให้ไวเลยนะ บอกเลยว่าซัมเมอร์นี้ต้องมาโดน!

9. ถ้ำสีฟ้า – ตาก

ถ้ำสีฟ้า อีกหนึ่งแลนด์มาร์คสุด Unseen ที่บอกเลยว่าตื่นตาตื่นใจ! ด้วยความสวยแปลกตาของถ้ำหินสีฟ้าที่ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในฉากหนังยังไงยังงั้น รอบด้านภายในถ้ำเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยสวยงามมากมาย ส่วนไฮไลท์ของที่นี่จะอยู่บริเวณด้านในซึ่งมีผนังถ้ำเป็นชั้นหินลวดลายสวยสีฟ้าสลับเทาแลดูแปลกตา เป็นโซนที่ถ่ายรูปออกมาเว่อร์วังอลังการสุดๆ เชียวละ แต่การมาถ้ำนี้ต้องพกไฟมาเองนะ เพราะในถ้ำนั้นไม่มีแสงสว่างหรือแสงไฟใดๆ ทั้งสิ้นเลยจ้า อยากได้รูปปังๆ ต้องเตรียมอุปกรณ์มาให้พร้อมเลยน้า รับรองว่าแจ่มแน่นอน

10. คลองปากประ – พัทลุง

คลองปากประนั้นเปรียบเหมือนปราการด่านสุดท้ายที่น้ำจากบริเวณต่างๆ นั้นจะไหลมารวมกัน ก่อนจะลงสู่พื้นที่ทะเลน้อยแล้วไหลไปรวมกับทะเลสาบสงขลาในเวลาถัดไป ทำให้พื้นที่บริเวณคลองปากประกลายเป็นแหล่งรวมของบรรดากุ้งหอยปูปลา ชาวบ้านในละแวกนี้จึงประกอบอาชีพประมงท้องถิ่นเป็นหลัก หนึ่งในวิธีที่นิยมใช้ก็คือการยกยอไซส์ยักษ์เพื่อดักสัตว์ทั้งหลาย ช่วงเช้าของทุกวันที่นี่จึงมีวิวสวยอลังการอันเกิดจากวิถีชีวิตสุดเรียบง่าย ใครชอบถ่ายรูปห้ามพลาดเลยเชียวนะ บอกเลยว่าได้กดชัตเตอร์กันเป็นร้อยแน่นอน

11. ดอยตาปัง – ชุมพร

ดอยตาปัง อีกหนึ่งพิกัดชมทะเลหมอกแบบสุดอลังการของภาคใต้ ซึ่งอยู่ห่างจากอำเภอเมืองชุมพรไปราวๆ 70 กิโลเมตรเท่านั้นจ้า ดอยนี้มีความสูง 500 เมตรจากระดับน้ำทะเล โดยเป็นพื้นที่โล่งกว้างซึ่งมองเห็นวิวรอบด้านกันได้แบบ 360 องศา ไฮไลท์ในช่วงเช้าของที่นี่นั้นอยู่ที่การมาชมแสงแรกของวันที่จะค่อยๆ ส่องผ่านเขาทะลุออกมา โดยมีวิวด้านหน้าเป็นทะเลหมอกขาวๆ ปกคลุมอยู่ทั่วไป ส่วนในช่วงเย็นนั้นก็ยังมองเห็นพระอาทิตย์ตกจากที่นี่กันได้อีกด้วยนะ ที่นี่เปิดให้มากางเต็นท์นอนชมวิวกันได้ด้วยจ้า ว่ากันว่าทะเลหมอกนั้นมีให้ดูตลอดปี แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วยนะ ใครสนปักหมุดมาเลย

12. ดอยพุ่ยโค – แม่ฮ่องสอน

ถ้าอยากเห็นทะเลหมอกกันแบบเต็มๆ ตา ในบรรยากาศรอบด้านที่บอกเลยว่า ดอยพุ่ยโค โรแมนติกไม่แพ้ใคร ดอยพุ่ยโคคือหนึ่งในพิกัดที่ควรปักหมุดมา ด้วยระดับความสูง 1,406 เมตร แถมบนยอดดอยยังเป็นพื้นที่โล่งกว้างไม่มีต้นไม้ใหญ่บดบัง ทำให้ดอยนี้เป็นจุดชมทะเลหมอกที่ปังสุดๆ อีกแห่งเลยละ ข้อดีอีกอย่างคือแม้จะเป็นดอยสูงแต่ที่นี่ก็เดินทางค่อนข้างง่าย ด้วยการเดินเท้าประมาณ 3 กิโลเมตรแบบสบายๆ ทำให้ผู้คนเกือบทุกเพศวัยก็มาชิลล์ที่นี่กันได้ทั้งนั้นจ้า บนดอยพุ่ยโคมีแต่วิวปังๆ แต่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ ทั้งนั้นนะ เตรียมตัวมาให้พร้อมจ้า จะได้มาฟินกันแบบเต็มที่ไง

13. ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง – ยะลา

สำหรับคนที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศจากการชมทะเลหมอกในภาคเหนือหรืออีสาน อยากชวนให้ปักหมุดมากันที่ ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ที่ยะลานี่ละ นอกจากจะได้ไปชมความสวยของสนามบินแห่งใหม่ล่าสุดของเมืองไทย ที่นี่ยังมีสกายวอล์คซึ่งมีวิวสุดอลังการไม่แพ้ที่ไหนให้ชมกันได้แบบจุใจเลยด้วยจ้ะ ด้วยความสูง 2,038 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล แถมบริเวณส่วนปลายของสกายวอล์คนั้นยังเป็นพื้นกระจกใสให้ได้ชมวิวมุมสูงแบบเสียวๆ ความยาว 61 เมตรเลยนะ วันไหนอากาศดี จากจุดนี้จะมองเห็นได้ถึงประเทศมาเลเซียเลยจ้า ทะเลหมอกที่นี่มีให้ดูกันตลอดปีเลยนะ สะดวกตอนไหนปักหมุดมาได้เลย

14. วัดเขาสูงแจ่มฟ้า – กาญจนบุรี

นี่คือพิกัดที่สายบุญทั้งหลายพลาดไม่ได้เลยจ้า เพราะ วัดเขาสูงแจ่มฟ้า มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายให้มากราบสักการะขอพรกัน ทั้งหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ เจ้าแม่กวนอิม พญาธนบดีนาคราช และพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ที่มีพุทธลักษณะแลดูแปลกตา นอกจากนั้นในวัดยังมีโซนที่ให้บรรยากาศเหมือนได้วาร์ปไปอยู่ญี่ปุ่นกันนิดๆ ด้วยนะ ไฮไลท์ล่าสุดของที่นี่ ก็ต้องยกให้กับเสาโทริอิสีแดงที่เรียงตัวให้ไปชมไปแชะกันเป็นอุโมงค์ยาวเหยียดนี่ละจ้า มาที่เดียวได้สัมผัสหลายอารมณ์เลยเชียวนะ จะสายแชะหรือสายบุญก็บอกเลยว่าอย่าพลาดเชียว

15. ทุ่งกะมัง – ชัยภูมิ

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ทุ่งกะมัง มีพื้นที่ซาฟารีกว่า 5,000 ไร่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ซึ่งเต็มไปด้วยทุ่งหญ้าที่เป็นอาหารอย่างดีของบรรดาสัตว์ป่าทั้งหลาย พื้นที่ส่วนใหญ่นั้นเป็นทุ่งโล่งกว้างรายล้อมรอบด้านด้วยต้นไม่ใหญ่ เราจึงจะได้เห็นสัตว์ป่าหลากหลายชนิดออกมาเดินมาใช้ชีวิตกันแบบสบายๆ ที่สำคัญคือพื้นที่ส่วนใหญ่นั้นเปิดให้เราเข้าไปชมไปสัมผัสกันได้แบบใกล้ชิดเลยด้วยนะ ไม่ต้องไปถึงอัฟริกาก็มาดูบรรดาฝูงกวางหลากหลายสายพันธุ์ตามธรรมชาติกันได้ที่นี่ละจ้า เค้ามีบ้านพักให้ใช้บริการกันด้วยนะ ใครอยากมาลองติดต่อล่วงหน้าเอาไว้เลย

16. เขาจมป่า – ตรัง

เขาจมป่า ภูเขาลึกลับที่ซ่อนตัวอยู่หลังป่าชายเลนผืนใหญ่ที่ต้องล่องเรือผ่านป่าเข้าไปใกล้ๆ จึงจะได้เห็นกัน และนั่นเป็นที่มาของชื่อเขาจมป่านี่ละ ความ Unseen ของที่นี่ ก็คือต้องล่องแพไปตามลำน้ำคดเคี้ยวที่ไหลผ่านผืนป่าชายเลนเข้าไปถึงตีนเขา จากนั้นก็ทำการป่ายปีนขึ้นไป บางช่วงของภูเขาต้องใช้ความระมัดระวังพอสมควรเลยนะ ด้านบนสุดจะมองเห็นผืนป่าเขียวขจีซึ่งมีคลองคดเคี้ยวไหลผ่าน เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินที่สายแอดเวนเจอร์น่าจะถูกใจกันไม่น้อยเลยเชียวละ ซัมเมอร์นี้ต้องรีบมาจัดกันให้ไว

17. จุดชมวิวผาแดงหลวง – ลำพูน

จะบอกว่านี่คือหนึ่งจุดชมวิวผาแดงหลวง บรรยากาศยามเช้าที่งดงามและอลังการที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทยก็ยังได้ เพราะพื้นที่ตรงนี้หลายคนที่เคยเห็นต่างยกให้เป็นสวิตเซอร์แลนด์ของเมืองไทยกันเลยจ้า ด้วยทิวทัศน์ของทิวเขาเขียวขจีที่วางสลับซ้อนเป็นเลเยอร์สวยเหมือนมีคนมาจับวาง ตรงกลางเป็นแม่น้ำปิงไหลคดเคี้ยวกว้างใหญ่ ใครสนใจต้องหาข้อมูลล่วงหน้านะ เพราะที่นี่เปิดให้เข้าชมกันได้แค่ในช่วงประมาณเดือนธันวาคมถึงมกราคมของทุกปี แถมยังมีกฎจำกัดนักท่องเที่ยวไม่เกิน 50 คน/วัน อีกด้วยจ้า บอกเลยว่าสายธรรมชาติถ้าได้มาต้องประทับใจ

18. เกาะกระดาด – ตราด

เกาะกระดาด เป็นเกาะที่มีพื้นที่ส่วนใหญ่แบนราบคล้ายแผ่นกระดาษลอยอยู่กลางน้ำ และนอกจากความสวยของหาดทรายและน้ำทะเลแล้วนะ เกาะนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นซาฟารีที่อยู่กลางทะเลด้วยจ้า เพราะบนเกาะมีฝูงกวางหลายร้อยตัวอาศัยอยู่ตามธรรมชาติให้เราได้ไปสัมผัสกันอย่างใกล้ชิดชนิดถึงเนื้อถึงตัวกันเลยน้า เล่นกับน้องกวางเสร็จสรรพ จะเลือกไปนั่งรถอีแต๊กชมวิวรอบเกาะกันต่อแบบสบายๆ ก็ยังได้จ้ะ เดินทางก็สะดวกมากนะ มาตราดแล้วแนะนำว่าอย่ามองข้ามเชียว

19. หนองทะเล – กระบี่

หนองทะเล อีกหนึ่งพิกัดซึ่งมีจุดขายเป็นทิวทัศน์ที่งดงามในยามเช้า ที่นี่เราจะได้ชมวิวหนองน้ำกว้างซึ่งโอบล้อมไปด้วยภูเขาหินปูนรูปทรงแปลกตา อยากฟินสุดๆ ต้องมาช่วงเช้าหน่อยนะ จะได้มาเจอกับเงาสะท้อนบนผิวน้ำที่นิ่งเรียบราวกับกระจกบานใหญ่ให้วิวที่สวยประทับใจแน่นอนจ้า รอบๆ ด้านยังมีบริการล่องเรือชมวิวสวยๆ กันด้วยนะ ใครชอบถ่ายรูปมาวางขาตั้งกล้องจองมุมกันเอาไว้ได้เลยจ้ะ ถ้าถูกที่ถูกเวลา รับรองเลยว่าได้ลั่นชัตเตอร์กันแบบสะใจแน่นอน

20. ภูลำดวน – เลย

ภูลำดวนเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวสวยยามเช้าที่เราอยากชวนให้มาแวะปักหมุดกัน ภูลำดวนนั้นเป็นจุดชมวิวอีกแห่งที่ผันตัวเองมาจากแหล่งเพาะปลูกทำการเกษตรจ้ะ บนยอดภูมีจุดเช็คอินกับวิวแบบว้าวๆ ให้ฟินกันหลายแห่งเลยเชียวนะ แถมยังมองเห็นแม่น้ำโขงไหลคดเคี้ยวกั้นกลางระหว่างเมืองไทยกับแดนลาวเอาไว้ด้วยจ้า ช่วงปลายฝนต้นหนาวถ้าอากาศเป็นใจ ที่นี่จะมีทะเลหมอกให้ชมกันด้วยนะ สวยเกินบรรยายจ้ะ มาดูเอาเองก็แล้วกัน

และทั้งหมดนี้คือหมุดหมายจากทั่วประเทศไทยที่เราเอามารวมไว้ให้ได้ปักหมุดลงลิสต์กัน อยากไปฟินภาคไหนก็มีพิกัดให้ปักหมุดกันได้ทั้งนั้นจ้า จริงๆ แล้วเมืองไทยยังมีพิกัดท่องเที่ยวแบบ Unseen ที่น่าสนใจอีกเพียบเลยนะ เอาไว้คราวหน้าจะรวบรวมมากฝากกันอีกแน่นอนจ้ะ ซัมเมอร์นี้ลองแพลนไปเช็คอินเบาๆ ตามด้านบนดูก่อนน้า บอกเลยว่าเต็มตาทุกจุดแน่นอน

ข้อมูล traveloka

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

Back To Top